รมว. กลาโหมรัสเซีย ยืนยันมีกระสุนเพียงพอโจมตียูเครน
หลังกลุ่มแวกเนอร์ ที่เป็นกำลังสำคัญสู้รบอยู่ในสมรภูมิสำคัญอย่างเมืองบัคมุต ออกมาเรียกร้องขอกระสุนปืนหลายหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลรัสเซีย ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้แล้วคำพูดจาก นสล็อตออนไลน์
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ว่า รัฐบาลกำลังเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในสนามรบ
เอกสารลับที่ถูกอ้างเป็นข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ คาดสงครามยูเครน-รัสเซีย มีแนวโน้มยืดเยื้อตลอดปี
กลาโหมเนเธอร์แลนด์ชี้ “เป็นไปได้ยาก” หลังยูเครนร้องขอ “F-16”
ก่อนที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียจะย้ำว่า กองทัพไม่ขาดแคลนกระสุนและสามารถโจมตียูเครนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่กลุ่มแวกเนอร์เรียกร้องขอกระสุนเพิ่มแต่อย่างใด
การออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องกระสุนของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เยฟเกนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ ที่เป็นกำลังสำคัญในเมืองบัคมุต ออกมาอัดคลิปวิจารณ์กองทัพรัสเซียว่าไม่ยอมส่งกระสุนให้ตามที่ร้องขอไป
ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ปริโกชินระบุว่ากองทัพรัสเซียส่งกระสุนมาให้เพียงร้อยละ 30 ของความต้องการต่อวันเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เขาเผยว่ากลุ่มแวกเนอร์ต้องการกระสุนราว 300 ตันต่อวัน หรือ 10 ตู้คอนเทนเนอร์ และถ้ายึดตามคำพูดของผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ เท่ากับว่ากระทรวงกลาโหมรัสเซียส่งกระสุนให้กลุ่มแวกเนอร์แค่ราวๆ 90 ตัน หรือ 3 ตู้คอนเทอร์ต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้ ปริโกชินยังได้ใช้คำพูดที่ค่อนข้างแรง เมื่อพูดถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย โดยเขาบอกว่าถ้าพระเจ้ากำหนดให้กลุ่มแวกเนอร์ล่มสลาย ก็คงไม่ได้ล่มสลายด้วยฝีมือศัตรู แต่อาจล่มสลายด้วยฝีมือเจ้าหน้าที่ “เลวๆ” ในรัสเซีย
ประเด็นเรื่องกระสุนปืนไม่เพียงพอต่อความต้องการนี้ เกิดขึ้นในวันที่สถานการณ์การสู้รบเริ่มรุนแรงขึ้น หลังจากที่กองทัพยูเครนออกมาส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะเริ่มปฏิบัติการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้จะดูเหมือนว่ามีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแวกเนอร์และกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แต่ในสนามรบ รัสเซียได้เตรียมพร้อมรับมือการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว หนึ่งในวิธีที่รัสเซียใช้เพื่อรับมือกับยูเครนคือ การขุดสนามเพลาะและวางกับดักต่างๆ
ตอนนี้รัสเซียกำลังเร่งขุดสนามเพลาะจำนวนมาก โดยสนามเพลาะส่วนใหญ่อยู่ในแนวรบด้านตะวันออกบริเวณแคว้นโดเนตสก์ และแนวรบด้านใต้บริเวณคาบสมุทรไครเมีย จากแผนที่จะเห็นได้ว่า จุดที่มีสนามเพลาะหนาแน่นจะอยู่ที่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรไครเมีย โดยเฉพาะจุดที่เป็นคอขอดเชื่อมระหว่างแคว้นเคอร์ซอนตะวันตก มายังพื้นที่คาบสมุทรไครเมีย
แผนที่แสดงจุดสนามเพลาะนี้ สอดคล้องกับข้อมูลจากภาพถ่ายทางดาวเทียมของแมกซาร์เทคโนโลยี บริษัทผู้ให้บริการภาพถ่ายทางดาวเทียมของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ภาพที่ดาวเทียมถ่ายได้นั้นมีหลายพื้นที่ เช่น ที่เมืองนาวาอิวานาฟกา เมืองอาร์เมียนสก์ รวมถึงพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลดำ ในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไฟล์ภาพถ่ายเผยให้เห็นว่า รัสเซียกำลังขุดสนามเพลาะเป็นแนวยาว รวมถึงประจำการปืนใหญ่และรถถังไว้ ไม่ไกลจากบริเวณที่ขุดสนามเพลาะ เพื่อใช้เป็นปราการตั้งรับการโจมตีของยูเครน
นอกจากสนามเพลาะแล้ว รัสเซียยังได้วางกับดักต่างๆ เพื่อสกัดการรุกคืบด้วยรถถังของยูเครนบนคาบสมุทรไครเมียด้วย ทำให้ยูเครนอาจมีอุปสรรคในการเปิดปฏิบัติการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิ กับดักดังกล่าวมีอะไรบ้างและจะสร้างอุปสรรคให้แก่ยูเครนได้อย่างไร?
กับดักชนิดแรกเรียกว่า เฮดจ์ฮอกแบริเออร์ (Hedgehog barrier) หรือรั้วเม่น มีลักษณะเป็นรั้วแข็งรูปดอกจัน ทำจากเหล็กรางรถไฟ ซึ่งมีความแข็งแรงมาก มักถูกใช้นำมาวางเพื่อสกัดการรุกคืบด้วยรถถัง ความแข็งของเหล็กจะทำให้ส่วนล่างของรถถังที่ไม่แข็งแรงมากเสียหายได้ รวมถึงทำให้มุมการยิงของกระบอกปืนใหญ่คาดเคลื่อนจากพิกัดที่ระบุไว้ได้ เมื่อรถถังต้องไต่ข้ามกับดักชนิดนี้
ส่วนกับดักชนิดที่สองเรียกว่า ฟันมังกร หรือดรากอนทีธ (Dragon Teeth) มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด ทำจากคอนกรีต มีความแข็งและมีน้ำหนักมาก มักถูกนำมาวางเรียงสลับฟันปลา เพื่อป้องกันยานยนต์หนักต่างๆ ไม่ให้ผ่านไปได้โดยง่าย
คลิปวิดีโอในเทเลแกรมบางช่อง แสดงให้เห็นภาพทหารรัสเซียวางฟันมังกรเอาไว้ในหลายพื้นที่ทั่วคาบสมุทรไครเมีย เพื่อป้องกันทหารยูเครนบุกเข้ามา
ขณะเดียวกัน รัสเซียก็ได้วางกับดักนี้ไว้บนแผ่นดินของตนเองด้วย โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณที่ติดกับคาบสมุทรเมียของยูเครนในแคว้นคราสโนดาร์ ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย
สาเหตุที่รัสเซียต้องขุดสนามเพลาะและวางกับดักตั้งรับอย่างหนาแน่นในคาบสมุทรไครเมีย เป็นเพราะที่นี่อาจกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของปฏิบัติการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิของยูเครน ผ่านการบุกพื้นที่แคว้นเคอร์ซอนตะวันออก
รายงานล่าสุดของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า ตอนนี้กองทัพยูเครนเริ่มค่อยๆ ยึดคืนพื้นที่ด้านตะวันออกของแคว้นเคอร์ซอนได้บางส่วนแล้ว โดยเฉพาะบริเวณสันดอนปากแม่น้ำดนีเปอร์ และบางพื้นที่ของเมืองโอเลชกี
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์บางกลุ่มเชื่อว่ายูเครนอาจไม่นำกำลังบุกเข้าไปในแคว้นไครเมียโดยตรง เนื่องจากรัสเซียมีกับดักต่างๆ รวมถึงรัสเซียมีกองกำลังประจำการอยู่จำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียกำลังพล
ด้านแอตแลนติกเคาน์ซิล สถาบันวิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เคยประเมินไว้ว่ายูเครนจะสามารถปลดปล่อยคาบสมุทรไครเมียได้ โดยที่ไม่ต้องส่งกองกำลังของตนเองไปเผชิญหน้ากับกองทัพรัสเซีย
หนึ่งในแผนที่ยูเครนสามารถอาจใช้คือ การโจมตีพื้นที่สำคัญทางการทหารของรัสเซียบริเวณคาบสมุทรไครเมีย เช่น คลังเก็บอาวุธหรือคลังน้ำมัน เพื่อไม่ให้กองทัพรัสเซียสามารถรับ-ส่งอาวุธไปสนับสนุนการสู้รบในแนวหน้าอื่นๆ ได้
หากกองทัพรัสเซียในคาบสมุทรไครเมียถูกตัดขาดจากส่วนอื่นๆ กองทัพรัสเซียจะต้องถอนกำลังออกจากคาบสมุทรไครเมียไปในท้ายที่สุด เหมือนกับที่ต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ปีกตะวันออกของแคว้นเคอร์ซอน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
หลายฝ่ายมองว่าวิธีการรบเช่นนี้จะช่วยรักษาชีวิตของทหารยูเครนเอาไว้ได้และเป็นการรบที่ไม่เสี่ยงจนเกินไป
อย่างไรก็ดี การที่ยูเครนจะสามารถโจมตีคลังเก็บอาวุธต่างๆ ของรัสเซียในคาบสมุทรไครเมียได้ จำเป็นต้องอาศัยขีปนาวุธหรือจรวดที่มีพิสัยการยิงที่ไกล ซึ่งบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกยืนยันหนักแน่นชัดเจนว่าจะยังไม่ส่งให้ยูเครนในเวลานี้แน่นอน
นี่ทำให้ยูเครนต้องใช้อาวุธที่มีในการสู้รบกับรัสเซีย โดยหนึ่งในอาวุธที่ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการตัดกำลังรัสเซียตอนนี้คือ โดรนพลีชีพ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้เห็นยูเครนใช้โดรนโจมตีพื้นที่สำคัญทางการทหารของรัสเซียโดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทรไครเมีย
ล่าสุด รัสเซียรายงานว่าเกิดเหตุโจมตีคลังน้ำมันในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอีกครั้ง
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เวเนียมิน คันดราเยฟ ผู้ว่าการแคว้นคราสโนดาร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย รายงานว่าเกิดเหตุวินาศกรรมคลังน้ำมันแห่งหนึ่งในหมู่บ้านวอลนา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานเคียรซ์ สะพานสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างรัสเซียแผ่นดินใหญ่และคาบสมุทรไครเมีย
ผลจากการโจมตีทำให้คลังน้ำมันเกิดเพลิงลุกไหม้และมีควันพวยพุ่งออกมา ควันจากการลุกไหม้ของน้ำมัน สามารถมองเห็นได้จากคาบสมุทรไครเมีย ทำให้ทางการรัสเซียต้องเร่งส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 200 คนเข้าไปควบคุมเพลิงตอนนี้ทางการรัสเซียยังไม่ได้ออกมาระบุว่าเหตุวินาศกรรมดังกล่าวเป็นฝีมือของฝ่ายใด แต่หลายฝ่ายสันนิษฐานตรงกันว่าอาจเป็นฝีมือของยูเครน แต่ทางการยูเครนก็ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้
เหตุระเบิดที่คลังน้ำมันในแคว้นคราสโนดาร์เกิดขึ้นเพียงไม่ถึงสัปดาห์ หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดคลังน้ำมันในเมืองเซวัสโตปอลบนคาบสมุทรไครเมียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทางการรัสเซียออกมายืนยันว่าเป็นฝึมือของโดรนพลีชีพที่ยูเครนส่งเข้ามา
ด้านสำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของรัสเซียรายงานว่า เหตุระเบิดคลังน้ำมันในแคว้นคราสโนดาร์เกิดจากการโจมตีด้วยโดรนของยูเครน ซึ่งเป็นแพทเทิร์นเดียวกับเหตุการณ์ในเมืองเซวัสโตปอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่รัสเซียกำลังตั้งข้อสงสัยว่ายูเครนคือผู้ที่โจมตีคลังน้ำมันด้วยโดรนพลีชีพ ล่าสุดวันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัสเซียได้ใช้โดรนพลีชีพโจมตียูเครนกลับเช่นกัน
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา สำนักข่าวCNN รายงานว่า รัสเซียได้ใช้โดรนพลีชีพสัญชาติอิหร่านรุ่นชาเฮด-136 จำนวน 26 ลำโจมตีทั่วยูเครน จากทางแคว้นเบรียนสก์และจากทางทะเลอาซอฟ ทางภาคตะวันตกของรัสเซียท อย่างไรก็ดี ทางการยูเครนรายงานว่าสามารถยิงสกัดโดรนเหล่านี้ได้ถึง 21 ลำ ทำให้มีโดรนเพียงแค่ 5 ลำที่หลุดรอดไปสร้างความเสียหายในแผ่นดินยูเครน ทั้งนี้ทางการยูเครนยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีที่เกิดขึ้น